เว็บไซต์มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและการตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ นโยบายการใช้คุกกี้

"รักไปแล้วนี่นา..." มุมมองต่อการคบกับคนไม่เชื่อ

ความรักเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับความเชื่อของคริสเตียน การเลือกคู่ที่มีความเชื่อเดียวกันไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ยังช่วยให้การดำเนินชีวิตไปในทิศทางเดียวกันได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เปิดกว้าง หลายคนอาจพบว่าตัวเองตกหลุมรักกับคนที่ไม่ได้มีความเชื่อเดียวกัน โดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ 


ครูศาสนาประวิทย์ ศรีวิไลฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนุชนไทยเพื่อพระคริสต์ (YFC) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ โดยเน้นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับหลักการคริสเตียน พร้อมทั้งแนะแนวทางสำหรับอนุชนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้


การคบหากับคนที่ไม่เชื่อ: ปัญหาที่มากกว่าหัวใจ


คศ.ประวิทย์ กล่าวว่า หากมองในมุมของพ่อแม่ การมีความรักในช่วงวัยเรียนอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเรียน แต่หากพิจารณาในมุมของคริสเตียน สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเลือกคู่ที่สามารถเดินไปในเส้นทางความเชื่อเดียวกันได้


"หากเราเลือกคนที่มีความเชื่อเดียวกัน เวลามีปัญหา เราก็สามารถอธิษฐานและพึ่งพาพระเจ้าร่วมกันได้ แต่ถ้าคนรักของเราไม่รู้จักพระเจ้า สิ่งนี้อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา"


ความรักที่แท้จริงควรรวมทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป อาจทำให้เกิดช่องว่างที่ยากจะแก้ไขในอนาคต


เปลี่ยนความรักให้เป็นโอกาสแห่งการประกาศ


แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าการคบหากับคนไม่เชื่อเป็นปัญหา แต่บางครั้งมันอาจเป็นโอกาสในการนำอีกฝ่ายมารู้จักพระเจ้าได้ คศ.ประวิทย์ กล่าวว่า มีหลายกรณีที่แฟนของคริสเตียนเข้ามารู้จักและเชื่อในพระเจ้าในภายหลัง ซึ่งบางครั้งกลับกลายเป็นผู้ที่มีความร้อนรนในความเชื่อมากกว่าคนที่พามาเสียอีก


"เราอาจเริ่มจากการพาเขาไปโบสถ์ เข้าร่วมกลุ่มแคร์ หรือทำให้เขาสัมผัสถึงความรักของพระเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องมั่นคงในความเชื่อของเราเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ความสัมพันธ์พาเราออกจากเส้นทางของพระเจ้า"


คำแนะนำสำหรับพี่เลี้ยงและผู้นำคริสตจักร


การที่อนุชนคบหากับคนที่ไม่เชื่อเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในสังคมยุคปัจจุบัน ดังนั้น บทบาทของพี่เลี้ยงและผู้นำในคริสตจักรจึงสำคัญอย่างมาก คศ.ประวิทย์ แนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรเริ่มต้นจากการแสดงความรักและความเข้าใจ มากกว่าการตัดสิน


"เราไม่ควรเข้าไปตัดสินหรือบังคับให้อนุชนต้องเลิกกับคนที่ไม่เชื่อ แต่ควรแสดงให้เขาเห็นว่าเราห่วงใย และพร้อมเดินเคียงข้างเพื่อช่วยให้เขาตัดสินใจอย่างถูกต้อง"


การมีพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาที่เข้าใจและคอยให้คำแนะนำ จะช่วยให้อนุชนมีแนวทางในการเดินไปสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคง และสอดคล้องกับหลักการของพระเจ้าได้


ตั้งขอบเขตเพื่อความสุขในระยะยาว


สุดท้าย คศ.ประวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่อนุชนควรทำคือ การตั้งขอบเขตที่ชัดเจนให้กับตัวเอง ว่าจะไม่แต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งในอนาคต


"ลองคิดดูว่า ถ้าวันหนึ่งแต่งงานไป แล้วมีลูก ฝ่ายหนึ่งจะพาลูกไปโบสถ์ แต่อีกฝ่ายจะพาไปไหว้เจ้า แบบนี้ลูกจะเลือกฝ่ายไหน? มันจะสร้างปัญหามากมายในครอบครัว"


ดังนั้น หากต้องการมีความรักที่มั่นคงและได้รับพรจากพระเจ้า อนุชนควรเลือกคบหากับคนที่มีความเชื่อเดียวกัน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตด้วยกันในทุกมิติอย่างแท้จริง


การตัดสินใจเรื่องความรักไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับความเชื่อของเรา อย่างไรก็ตาม หากเรามุ่งมั่นที่จะรักพระเจ้ามากกว่าทุกสิ่ง เราจะสามารถตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดได้เสมอ ขอให้ทุกความสัมพันธ์เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และนำไปสู่ชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยพระพร



________________________________________


ติดตาม CGN Thai News ข่าวสารสำหรับคริสเตียนไทย ได้ทาง Facebook